บทความทั้งหมด
20 กรกฎาคม 2565
Gamification ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ต้องใส่ใจ

ในปัจจุบันหลายๆ แบรนด์เริ่มนำ Gamification เข้ามาเสริมการทำการตลาด โดยใช้เทคนิคการออกแบบเกมเพื่อเพิ่ม Engagement & Loyalty ของลูกค้า ซึ่งการร่วมเล่นเกมหรือกิจกรรมต่างๆ ลูกค้าจะได้รับรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน ในขณะเดียวกันแบรนด์ก็สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงการนำเสนอหรือบริการได้อีกด้วย ดังนั้นการนำ Gamificationเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำการตลาดจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ Gamification อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากมีรากฐานมาจากการใช้องค์ประกอบของเกม แต่ไม่ได้เป็นเกมอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 19 Gamification แรกๆ คือ การสะสมแสตมป์ S&H Green Stampsในปี 1896 และอีกเกมหนึ่งที่เราคงคุ้นเคยคือการสะสมเข็มกลัดจากกิจกรรมลูกเสือ แนวคิดนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในยุค 1970 และ 1980 เช่น โปรแกรมสะสมไมล์หรือคะแนนโรงแรม คำว่า "Gamification" ถูกบัญญัติขึ้นในทศวรรษ 2000 และตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นกลยุทธ์หลักในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและแรงจูงใจ
จุดสำคัญในการสร้าง Gamification ที่ดี:
- การออกแบบเกม: ต้องเข้าใจพื้นฐานของผู้บริโภค เช่น ความต้องการ ความคาดหวัง ของรางวัลดึงดูดพอไหม ความท้าทายเหมาะสมหรือไม่ และหลังจากผู้เล่นไปถึงเป้าหมายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมและแนวโน้มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
- ประสบการณ์ของบุคคล: ประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลสำคัญมาก เช่น ผู้เล่นที่เก่งอาจรู้สึกว่าเกมง่ายเกินไป ขาดความท้าทาย ในขณะที่ผู้เล่นทั่วไปอาจรู้สึกว่าเกมยากเกินไปและขาดแรงจูงใจ
- Targeting: การออกแบบเกมควรสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เกมที่เหมาะกับเด็กอาจไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ และในทางกลับกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจกลุ่มผู้เล่นคือหัวใจสำคัญ
- การเก็บรวบรวมข้อมูล: Gamification ช่วยให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้งานได้ ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาการนำเสนอและบริการใหม่ๆ ได้ แต่อย่าลืมคำนึงถึงกฎหมายความเป็นส่วนตัว (PDPA) ด้วย
- การประยุกต์: การนำ Gamification เข้าสู่กลยุทธ์การตลาดควรเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่ลื่นไหล ไม่ขัดจังหวะผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มความประทับใจและความต่อเนื่องของการมีส่วนร่วม